พลังงานชีวมวล (Biomass Energy) เป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ธุรกิจยุคใหม่เริ่มหันมาให้ความสำคัญเนื่องจากเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยสร้างความยั่งยืนในระยะยาว พลังงานชีวมวลมาจากวัสดุอินทรีย์ที่สามารถย่อยสลายได้ เช่น เศษพืช ขยะอินทรีย์ เศษอาหาร และเศษไม้ ซึ่งผ่านกระบวนการแปรรูปเพื่อนำมาผลิตพลังงาน ความสำคัญของพลังงานชีวมวลไม่ได้อยู่ที่การช่วยลดการใช้พลังงานฟอสซิลเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยลดปริมาณขยะและปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจยุคใหม่
1. ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พลังงานชีวมวลมีการปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าพลังงานจากฟอสซิล นอกจากนี้ วัสดุชีวมวลยังมีการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ตามธรรมชาติ ทำให้มีคาร์บอนฟุตพรินต์ต่ำและไม่เพิ่มก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ
2. แหล่งพลังงานที่หาได้ง่ายและยั่งยืน วัสดุชีวมวลสามารถหาได้จากกิจกรรมต่างๆ เช่น การเกษตร การป่าไม้ และขยะอินทรีย์ ทำให้ธุรกิจที่ใช้พลังงานชีวมวลมีแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่สามารถหาได้ใกล้ตัว ซึ่งช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานในระยะยาว
3. ลดต้นทุนด้านพลังงานของธุรกิจ แม้การติดตั้งระบบพลังงานชีวมวลจะมีค่าใช้จ่ายในช่วงเริ่มต้น แต่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้อย่างมากในระยะยาว เช่น หม้อไอน้ำชีวมวลที่สามารถใช้ในกระบวนการผลิต ทำให้ธุรกิจพึ่งพาพลังงานจากแหล่งอื่นน้อยลง
4. ส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน การใช้ชีวมวลช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนโดยการนำของเสียกลับมาใช้ใหม่ ลดปริมาณขยะและสร้างคุณค่าให้กับวัสดุที่เหลือทิ้ง เช่น การนำเศษไม้จากการผลิตเฟอร์นิเจอร์กลับมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า
5. เพิ่มภาพลักษณ์ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันผู้บริโภคมองหาธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานชีวมวลสามารถเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร ทำให้ลูกค้าเห็นว่าธุรกิจมีความใส่ใจในความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม
6. เสริมความมั่นคงด้านพลังงาน พลังงานชีวมวลช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับระบบพลังงานในธุรกิจ โดยสามารถใช้งานเสริมในช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟฟ้าสูง ช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาพลังงานจากแหล่งเดียว
พลังงานชีวมวลจึงเป็นทางเลือกพลังงานสะอาดที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องการสร้างความยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม การลงทุนในพลังงานชีวมวลช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างความมั่นคงให้ธุรกิจเพื่อก้าวไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน